งานนี้ 4 หนุ่ม Mumford & Sons เปิดเวทีพาแฟนเพลงทั้งไทยและเทศเข้าสู่การแสดงของพวกเขา พร้อมเรียกเสียงกรี๊ดต้อนรับดังกระฮึ่ม ด้วยเพลง Snake Eyes จากอัลบั้ม Wilder Mind และต่อด้วยเพลงจากอัลบั้มล่าสุด Guiding Light ทันที จากนั้นพวกเขาก็เรียกเสียงกรี๊ดกระฮึ่มจากแฟนเพลงอีกครั้งด้วยการหยิบเพลงจากอัลบั้มแรก Sigh No More อย่าง The Cave เพลงโฟล์กสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์กับเสียงของแบนโจที่ลุ่มลึกมาเล่น ก่อนจะนำเพลง Beloved จากอัลบั้มล่าสุดเพลง White Blank Page จากอัลบั้มแรกมาเล่นสลับ

ตามด้วยซิงเกิ้ลล่าสุดที่สะท้อนชีวิตคนยุคปัจจุบันได้ดีที่สุดอย่าง Blind Leading the Blind และอีกหนึ่งเพลงเพราะจากอัลบั้ม Babel นั่นคือ Love of the Light ที่มาพร้อมท่อนโซโล่ของแบนโจที่ทำให้อยากฟังอีกเรื่อยๆ จากนั้นก็เพิ่มความมันส์กันต่อด้วยเสียงซินธ์ในเพลง Tompkins Square Park และ บีลีฟ Believe ต่อกันด้วยอีกหนึ่งเพลงฮิตที่ทำแฟนๆ โยกหัวตามจังหวะกันสนุกสนานอย่าง Little Lion Man, Ditmas, Slip Away และ The Wolf ก่อนจะสะกดคนดูด้วยเพลงที่เต็มไปด้วยมวลพลังบวก Delta พร้อมส่งท้ายค่ำคืนด้วยเพลง Only Love, Awake My Soul  ก่อนจะลาคนดูด้วยเพลงพิเศษที่แฟนเพลงรอคอย และช่วยกันร้องตามดังกระฮึ่มฮอลล์อย่าง I Will Wait

Mumford & Sons สามารถพาคนดูเข้าสู่ห้วงอารมณ์อันหลากหลายได้อย่างไร้ข้อกังขา พวกเขาได้พิสูจน์ตัวเองให้แฟนเพลงให้เห็นอีกครั้งว่า พวกเขาเป็นวงดนตรีที่เล่นสดได้สนุกมากด้วยการผสมเมโลดี้หวานจากแบนโจเข้ากับซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ที่ดิบกว่าได้อย่างลงตัว เมื่อรวมเข้ากับเสียงแหบพร่าที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ของ มาร์คัส แล้ว ก็สามารถทำให้ผู้ฟังคล้อยตามความรู้สึก ที่พวกเขาจะสื่อได้ไม่ยากเลย

เครดิตภาพ : Live Nation BEC-Tero