โค้กพา มารูน ไฟว์ คัมแบ็คไทย บินตรงเปิดคอนเสิร์ตสุดซ่ารอบสอง
โค้กพา มารูน ไฟว์ คัมแบ็คไทย บินตรงเปิดคอนเสิร์ตสุดซ่ารอบสอง
“โค้ก มิวสิก พรีเซ้นทส์ มารูน ไฟว์ ไลฟ์ อิน แบ็งคอค 2011”
(Coke Music presents Maroon 5 Live in Bangkok 2011)
ศิลปิน | มารูน ไฟว์ (Maroon 5) |
สมาชิก: | - อดัม เลอวีน (Adam Levine) ร้องนำ - เจมส์ วาเลนไทน์ (James Valentine) กีตาร์ - มิกกี้ แมดเดน (Mickey Madden) เบส - เจส คาร์ไมเคิล (Jesse Carmichael) คีย์บอร์ด - แมท ฟลินน์ (Matt Flynn) กลอง |
วันแสดง | วันเสาร์ที่ 23 เมษายน 2554 |
ประตูเปิด | 19.00 น. |
เวลาแสดง | 20.00 น. |
สถานที่ | อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี |
ราคาบัตร | 1,000 / 2,000 / 3,000 / 3,500 และ 4,000 บาท |
จำหน่ายบัตร | - บูธไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา - ไปรษณีย์ไทย 52 สาขา กรุงเทพ และปริมณฑล - จุดจำหน่ายตั๋วเมเจอร์ และอีจีวี |
รายละเอียดเพิ่มเติม | โทร. 0-2262-3838 www.thaiticketmajor.com www.bectero.com |
โค้กพา “มารูน ไฟว์” คัมแบ็คไทย บินตรงเปิดคอนเสิร์ตสุดซ่ารอบสอง
เคยสร้างปรากฏการณ์ความมันส์กระหึ่มในบ้านเรามาแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน สำหรับ 5 หนุ่ม ป็อปร็อคชื่อดัง มารูน ไฟว์ (Maroon 5) กับ 5 หนุ่มมาดเท่ อดัม เลอวีน (Adam Levine) ร้องนำ, เจมส์ วาเลนไทน์ (James Valentine) กีตาร์, มิกกี้ แมดเดน (Mickey Madden) เบส, เจส คาร์ไมเคิล (Jesse Carmichael) คีย์บอร์ด และ แมท ฟลินน์ (Matt Flynn) กลอง ที่ครั้งนั้น พวกเขาได้หอบหิ้วเอาเพลงดังมาเล่นให้แฟนเพลงชาวไทยได้ฟังกันอย่างเต็มเหนี่ยวทั้ง ดิส เลิฟ (This Love), ชี วิล บี เลิฟด์ (She Will Be Loved), เมคส์ มี วันเดอร์ (Makes Me Wonder) และ เวค อัพ คอล (Wake Up Call) และปีนี้ พวกเขาจะกลับมาอีกครั้งพร้อมระดับดีกรีความมันส์ที่เพิ่มขึ้น กับคอนเสิร์ตสุดจี๊ด “โค้ก มิวสิก พรีเซ้นทส์ มารูน ไฟว์ ไลฟ์ อิน แบ็งคอค 2011” (Coke Music presents Maroon 5 Live in Bangkok 2011) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 23 เมษายน ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี
หลังจากอัลบั้มแรก “ซอง อเบ้าท์ เจน” (Song About Jane) ดังเปรี้ยงปร้างในชั่วข้ามคืนกับซิงเกิ้ลแรก “ดิส เลิฟ” (This Love) และกวาดยอดขายทั่วโลกไปกว่า 10 ล้านก็อปปี้ รวมถึงซิวรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในงาน เอ็มทีวี วีดีโอ มิวสิค อวอร์ด ในปี 2004 และรางวัลแกรมมี่ อวอร์ด ในสาขาศิลปินหน้าใหม่ และสาขาศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยมจากเพลง ดิส เลิฟ(This Love) ในปี 2005 และ 4 ปี หลังจากตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตกับศิลปินมากความสามารถอย่าง เดอะ โรลลิ่ง สโตนส์ (The Rolling Stones) และ สตีวี วันเดอร์ (Stevie Wonder) พวกเขาก็กลับมาผงาดในทำเนียบป็อบร็อคแถวหน้าอีกครั้ง กับงานเพลงชุดที่สอง อิท โวนท์ บี ซูน บีฟอร์ ลอง (It Won’t Be Soon Before Long) โดยเปิดตัวด้วยเพลง เมคส์ มี วันเดอร์ (Makes Me Wonder) ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับบิลบอร์ดชาร์ทของอเมริกา ด้วยการเป็นเพลงที่กระโดดจากอันดับที่ 64 ขึ้นสู่อันดับ 1 ได้ในเวลาเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น นอกจากนี้ เพลง เมคส์ มี วันเดอร์ (Makes Me Wonder) ยังทำให้พวกเขาได้รับรางวัลแกรมมี่ อวอร์ด ในสาขาศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม และอัลบั้มชุดนี้ก็ได้รับรางวัลแกรมมี่ อวอร์ดในสาขาอัลบั้มยอดเยี่ยม ในปี 2007 ด้วยเช่นกัน
ผลงานล่าสุด หลังจากซุ่มซ้อมและทุ่มเทกันอย่างหนัก ในที่สุดพวกเขาก็ได้ปล่อย “แฮนดส์ ออล โอเวอร์” (Hands All Over) ซึ่งเป็นอัลบั้มที่สามของพวกเขาออกมา เมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี 2010 ให้แฟนเพลงได้หายคิดถึง โดยเปิดตัวด้วยซิงเกิ้ล “มิสเซอรี่” (Misery) กับจังหวะที่คึกคักสนุกสนาน ส่วนซิงเกิ้ลที่ 2 ที่ปล่อยตามมาคือ กีฟ อะ ลิตเติ้ล มอร์ (Give A Little More) และ ซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลที่ 3 ที่ใกล้จะปล่อยให้แฟนๆ ได้ชมแล้วก็คือ ‘Never Gonna Leave This Bed’ (เนเวอร์ กอนนา ลีฟ ดิส เบด) ซึ่งเอ็มวีนี้ ยังคงใช้นางเอกคนเดิมทั้งในมิวสิควีดีโอและชีวิตจริงของหนุ่มหล่อนักร้องนำ อดัม เลอวีน นั่นเอง สำหรับเพลงอื่นๆ ในอัลบั้มชุดนี้นั้น ทุกคนจะได้ฟัง และมันส์กันเต็มที่ในคอนเสิร์ตครั้งนี้อย่างแน่นอน
มากระโดดกันให้สะใจอีกครั้ง กับสุดยอดวงป็อบร็อคระดับแถวหน้า มารูน ไฟว์ ในคอนเสิร์ต “โค้ก มิวสิก พรีเซ้นทส์ มารูน ไฟว์ ไลฟ์ อิน แบ็งคอค 2011” ในวันเสาร์ที่ 23 เมษายนนี้ ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี บัตรคอนเสิร์ตราคา 1,000 / 2,000 / 3,000 / 3,500 และ 4,000 บาท สามารถซื้อบัตรได้ตั้งแต่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา เปิดโค้กเดินหน้าซ่าให้สุดกับคอนเสิร์ตระดับโลกจาก Maroon 5 ด้วยโปรโมชั่นสุดซ่า ฝาโค้กขนาดใดก็ได้ 5 ฝา รับส่วนลดทันที 15% ต่อการซื้อบัตร 1 ใบ ตั้งแต่ 14 กุมภาพันธ์ - 31 มีนาคมนี้ ติดตามโปรโมชั่นเพิ่มเติมจากผลิตภัณฑ์สิงห์ และการบินไทย หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-2262-3838 หรือ www.thaiticketmajor.com
ประวัติศิลปิน
วงร็อคชื่อดัง มารูน ไฟว์ (Maroon 5) นอกจากจะปล่อยอัลบั้มระดับรางวัลมัลติ-แพลทตินัมมาถึงสองอัลบั้มอย่าง อัลบั้ม ซองส์ อเบ้าท์ เจน (Songs About Jane) ในปี 2002 และอัลบั้ม อิท โวนท์ บี ซูน บีฟอร์ ลอง (It Won’t Be Soon Before Long) ในปี 2007 แล้ว พวกเขายังเป็นเจ้าของเพลงฮิตติดหูอย่างเพลง ดิส เลิฟ (This Love), ชี วิล บี เลิฟด์ (She Will Be Loved), ฮาร์เดอร์ ทู บรีท (Harder To Breathe), ซันเดย์ มอร์นิ่ง (Sunday Morning), และ เมคส์ มี วันเดอร์ (Makes Me Wonder) การันตีความแรงด้วยรางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส์ (Grammy Awards) และเป็นวงที่มียอดขายถึง 15 ล้านอัลบั้มทั่วโลก และในที่สุดหนุ่มทั้งห้าจากลอสแองเจลิสก็กลับมาพร้อมกับอัลบั้มที่สาม ที่ชื่อว่า แฮนดส์ ออล โอเวอร์ (Hands All Over) อัลบั้มเก๋ๆที่มีกลิ่นอายผสมผสานระหว่างดนตรีแนวร็อค ป็อบ ฟังค์ และอาร์แอนด์บี ที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของวงที่สนุกสนาน ท่วงทำนองดนตรีที่ติดหู จังหวะทันสมัย เนื้อเพลงแรงๆที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันวุ่นวายของคนในยุคนี้ และการแสดงสดที่เปี่ยมไปด้วยพลัง
เลอวีน ซึ่งเป็นคนเขียนเนื้อร้องให้กับวง เริ่มแต่งเพลงสำหรับอัลบั้ม แฮนดส์ ออล โอเวอร์ หลังจากที่พวกเขาเสร็จสิ้นกับการทัวร์คอนเสิร์ตระดับโลก อิท โวนท์ บี ซูน บีฟอร์ ลอง และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน มารูน ไฟว์ ก็ได้รับโทรศัพท์จาก โรเบิร์ต จอห์น “มัท” แลนจ์ (Robert John “Mutt” Lange) พ่อมดสตูดิโอผู้เปี่ยมประสบการณ์ ซึ่งเคยทำงานให้กับวงร็อคตำนานชื่อดังอย่าง เอซี/ดีซี (AC/DC), ฟอเรนเนอร์ (Foreigner), และ เดอะ คารส์ (The Cars) แลนจ์ได้ยินข่าวว่า มารูน ไฟว์ กำลังซุ่มเตรียมเพลงสำหรับอัลบั้มใหม่ จึงแสดงความสนใจในการร่วมโปรดิวซ์อัลบั้ม เลอวีนกล่าวว่า “พวกเราไม่ได้มองหาโปรดิวเซอร์คนอื่นเลย เพราะมัท ถือว่าเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์วงการเพลง”
การแสดงครั้งแรกของเลอวีน ซึ่งถือว่าเป็นการแสดงที่จุดประกายความปรารถนาที่จะเป็นนักร้องและนักดนตรีมืออาชีพของเขานั้น ที่จริงแล้วส่วนหนึ่งมาจากแลนจ์ นั่นเอง เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน เมื่อครั้งที่เลอวีนอายุได้ 10 ขวบ เขาไปร่วมงานวันเกิดของเพื่อน “งานจัดขึ้นที่ ซาน เฟอร์นันโด วัลเลย์ (San Fernando Valley) ซึ่งพวกเด็กๆจะแต่งชุดแฟนซีสไตล์ร็อค แอนด์ โรล แล้วก็ร้องลิปซิ้งค์คลอไปกับเพลงโปรดของพวกเขา” เลอวีนกล่าว เขาเลือกเพลงคลาสสิคของวง เดฟ เล็พพาร์ด (Def Leppard) พัวร์ ซัม ชูการ์ ออน มี (Pour Some Sugar On Me) “ผมรู้ว่าผมร้องเพลงนั้นได้ เพราะอาจารย์สอนดนตรีของผมบอกว่าผมมีน้ำเสียงที่เหมาะกับการร้องเพลง แต่ผมไม่เคยแสดงสดมาก่อน เลยคว้าไมค์แล้วตั้งใจแสดงเต็มเหนี่ยว หลังจากที่ร้องจบ ผมรู้ทันทีเลยว่านี่แหละเป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำไปตลอดชีวิต และนี่เองเป็นแรงบันดาลใจให้กับผม” เพลงฮิตชื่อดัง พัวร์ ซัม ชูการ์ ออน มี แน่นอนว่า โปรดิวซ์โดยแลนจ์นั่นเอง “ถ้านี่ไม่เรียกว่าชะตาชีวิตมาบรรจบกัน ผมก็ไม่รู้แล้วล่ะว่าจะเรียกมันว่าอะไรดี” เลอวีนให้สัมภาษณ์
ในเดือนกรกฏาคม ปี 2009 สมาชิกของวง มารูน ไฟว์ ประกอบด้วยนักร้องนำ อดัม เลอวีน (Adam Levine), มือคีย์บอร์ด เจส คาร์ไมเคิล (Jesse Carmichael), มือเบส มิกกี้ แมดเดน (Mickey Madden), มือกีต้าร์ เจมส์ วาเลนไทน์ (James Valentine), และมือกลอง แมท ฟลินน์ (Matt Flynn) ย้ายไปอาศัยอยู่ในสตูดิโอของแลนจ์ ในเมืองเวเวย์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบเจนีวา ทึ่ซึ่งพวกเขาสามารถทำงานได้โดยปราศจากสิ่งรบกวนต่างๆ โดยมีเทือกเขาสวิสแอลพ์ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลัง “แค่ได้อยู่ใกล้ๆกับเทือกเขาสูงใหญ่กับทะเลสาบ เราก็ได้แรงบันดาลใจมากมาย” เจส คาร์ไมเคิลให้สัมภาษณ์ “ได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับวิวของเทือกเขาที่มีหิมะปกคลุมนั้น แทบจะเรียกได้ว่าเป็นตัวกำหนดคอนเซ็ปของอัลบั้มเลยก็ว่าได้ ทำให้รู้สึกราวกับว่าพวกเราอยู่ในค่ายฤดูร้อนที่น่าจดจำ” คาร์ไมเคิลยังเสริมว่า “มัทช่วยให้เราทุกคนแสดงความสามารถอันแท้จริงออกมา และนั่นก็ทำให้เราพัฒนามากขึ้น เก่งขึ้น ยิ่งใหญ่ขึ้น ทุกอย่างที่เขาทำมันเยี่ยมยอดมาก”
“เยี่ยมยอด” เป็นคำนิยามที่เหมาะกับการบรรยายถึงอัลบั้ม แฮนดส์ ออล โอเวอร์ (Hands All Over) ซึ่งแทร็คแรกเป็นเพลงแนวร็อคแรงๆชนิดที่ มารูน ไฟว์ ไม่เคยทำมาก่อน วาเลนไทน์กล่าวว่า “แทร็คแรกนั้นเป็นไสตล์แบบที่เราไม่เคยทำมาก่อนเลย” อีกเพลงเก๋ๆที่อยู่ในอัลบั้มก็คือ เอาท์ ออฟ กู๊ดบายส์ (Out of Goodbyes) เป็นเพลงสไตล์คันทรี่ช้าๆที่ได้ศิลปินชื่อดังจากเมืองแนชวิลล์อย่าง เลดี้ แอนเทอเบลลัม (Lady Antebellum) มาร่วมขับร้องและเล่นดนตรี “พวกเราชอบเพลงแนวคันทรี่อยู่แล้ว” เลอวีนกล่าว “และการได้เครื่องดนตรีใหม่ๆตามสไตล์ คันทรี่อย่างกีต้าร์แล็บสตีล กีต้าร์แอ็มเบียน บวกกับน้ำเสียงเพราะๆแบบคันทรีของฮิลลารี่ สก็อต (Hillary Scott) มาผสมผสานในเพลงนี้ ยิ่งทำให้เพลงมีสำเนียงที่น่าสนใจมากขึ้น” ไฮไลท์อื่นๆในอัลบั้มได้แก่ เพลงจังหวะกรูฟวี่ ที่มีกลิ่นอายโม-ทาวน์ อย่าง ดอนท์ โนว์ มัช อเบาท์ แด็ทสตัทเตอร์ (Stutter) ที่วาเลนไทน์กล่าวว่าเป็นเพลงที่โชว์น้ำเสียงของอดัมได้เป็นอย่างดี และเพลงที่ถูกปล่อยออกมาเป็นซิงเกิ้ลแรก มิสเซอรี่ (Misery) ที่ทำให้แฟนเพลงอันเหนียวแน่นของ มารูน ไฟว์ ได้ตื่นเต้นไปกับเสียงกีต้าร์สไตล์ฟังกี้ และทำนองที่คึกคัก “เพลง มิสเซอรี่ เป็นเพลงที่เหมาะมากที่จะใช้เปิดตัวอัลบั้มนี้กับทุกคน เพราะเพลงนี้แสดงถึงตัวตนของพวกเราได้อย่างแท้จริงที่ไม่ซ้ำใคร” คาร์ไมเคิลกล่าว (Don’t Know Much About That), เพลงมันๆอย่าง
มารูน ไฟว์ เริ่มประสบความสำเร็จในปี 2002 กับอัลบั้ม “ซองส์ อเบ้าท์ เจน (Songs About Jane)” ซึ่งได้รับรางวัลแผ่นเสียงแพลทตินัมถึงสี่ครั้ง จากซิงเกิ้ลฮิตๆ 4 เพลงอย่าง เพลงติดอันดับบล็อคบัสเตอร์ ท็อป 40 อันดับ 1 “ดิส เลิฟ (This Love)”, อันดับ 5 “ชี วิล บี เลิฟด์ (She Will Be Loved)”, รวมไปถึง “ฮาร์ดเดอร์ ทู บรีท (Harder to Breathe)” และ “ซันเดย์ มอร์นิ่ง (Sunday Morning)” ความสำเร็จนี้เองที่เป็นฐานผลักดันให้ มารูน ไฟว์ กลายเป็นวงร็อคระดับโลก และนำไปสู่รางวัลศิลปินหน้าใหม่จากงานแกรมมี่ อวอร์ด ปี 2005 ที่ประเทศเยอรมัน พวกเขาปล่อยอัลบั้ม อะคูสติก (Acoustic) ตามมาในปี 2004 ซึ่งเป็นอัลบั้มรวบรวมเพลงฮิตที่นำมาทำใหม่ในสไตล์แนวเพลงอันพลั๊คท์ (unplugged) ต่อด้วยอัลบั้ม ไลฟ์ – ไฟรเดย์ เดอะ เตอร์ทีนท์ (Live – Friday the 13th) ในปี 2005 ซึ่งชนะรางวัลแกรมมี่เป็นครั้งที่ 2 ในสาขา การแสดงยอดเยี่ยมโดยศิลปินกลุ่ม จากบันทึกการแสดงสดของเพลง ดิส เลิฟ ในปี 2006
ในเดือนพฤษภาคม ปี 2007 มารูน ไฟว์ ได้ปล่อยอัลบั้ม อิท โวนท์ บี ซูน บีฟอร์ ลอง (It Won’t Be Soon Before Long) ที่เปิดตัวด้วยอันดับ 1 ในชาร์ตเพลง บิลบอร์ด ท็อป 200 (Billboard Top 200 Album Chart) ด้วยยอดขายเกือบครึ่งล้านแผ่นในสัปดาห์แรกของการวางจำหน่าย อัลบั้มที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่นี้ อัดแน่นไปด้วยเพลงฮิตหลายเพลง เช่น “อิฟ ไอ เนเวอร์ ซี ยัวร์ เฟซ อเกน (If I Never See Your Face Again)” และ “เมคส์ มี วันเดอร์ (Makes Me Wonder)” ที่ทำให้พวกเขาได้รับรางวัลแกรมมี่เป็นครั้งที่ 3 กับรางวัลการแสดงยอดเยี่ยมโดยศิลปินกลุ่มอีกครั้ง และในปี 2009 พวกเขาได้ปล่อยอัลบั้มรีมิกซ์ คอลล์ แอนด์ เรสปอนส์: เดอะ รีมิกซ์ อัลบั้ม (Call & Response: The Remix Album) อัลบั้ม 18 แทร็คในรูปแบบ “มิกซ์เทป (mixtape)” ที่เป็นการร่วมงานกับ แฟร์เรล วิลเลี่ยมส์ (Pharrell Williams), มาร์ค รอนสัน (Mark Ronson), สวิส บีทส์ (Swizz Beatz), พอล โอคเคนโฟลด์ (Paul Oakenfold), และศิลปินชื่อดังอีกมากมาย ซึ่งมาช่วยกันร่วมสร้างสีสันใหม่ๆให้กับเพลงฮิตติดอันดับของวง นอกจากนี้ มารูน ไฟว์ ยังได้ร่วมงานกับศิลปินอย่าง ริฮานน่า (Rihanna) ในเพลงที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่เวอร์ชั่นใหม่ของ “อิฟ ไอ เนเวอร์ ซี ยัวร์ เฟซ อเกน (If I Never See Your Face Again)” ซึ่งเป็นเพลงแถมในอัลบั้มที่ทำขายออกมาเป็นครั้งที่สองของเธอในปี 2007 ที่มีชื่ออัลบั้มว่า กู้ด เกิร์ล กอร์น แบด (Good Girl Gone Bad) นอกจากนั้น เลอวีนยังเคยได้ร่วมงานกับศิลปินมีฝีมือมากมายอย่าง หยิน หยาง ทวินส์ (Yin Yang Twins), คานเย่ เวสต์ (Kanye West), อลิเชีย คียส์ (Alicia Keys), นาทาช่า เบดดิ่งฟิลด์ (Natasha Bedingfield), และ เคนาน (K’naan)
ในเส้นทางสายดนตรีของพวกเขา มารูน ไฟว์ เดินสายทัวร์คอนเสิร์ตไปรอบโลก โดยเฉพาะในอเมริกาที่บัตรคอนเสิร์ตขาดหมดเกลี้ยงจนกลายเป็นคอนเสิร์ตระดับแนวหน้า ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เข้าร่วมกับองค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อม รีเวิร์บ (Reverb) เพื่อช่วยในการรณรงค์ลดการก่อให้เกิดสารเรือนกระจก อีกทั้งยังได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการป้องกันทรัพยากรธรรมชาติ NRDC (Natural Resources Defense Council) และได้รับการรางวัลจาก เอ็นไวรอนเม็นทัล มีเดีย อวอร์ดส์ (Environmental Media Awards) ในปี 2006 ในฐานะที่พวกเขาได้ทุ่มเททั้งเวลาและแรงกายให้กับองค์กร โกลบอล คูล (Global Cool) ด้วยการเชื้อชวนให้ประชาชนมากกว่าหนึ่งร้อยล้านคนทั่วโลกช่วยกันลดการใช้พลังงานเพื่อต่อต้านภาวะโลกร้อน
และในปี 2010 มารูน ไฟว์ ปล่อยอัลบั้ม แฮนดส์ ออล โอเวอร์ (Hands All Over) ซึ่งเป็นทั้งอัลบั้มที่เข้าถึงง่ายและดึงดูดความสนใจไม่แพ้อัลบั้มก่อนๆ รวมทั้งเพลงดังทะลวงใจอย่าง ซองส์ อเบาท์ เจน (Songs About Jane) “สิ่งที่พวกเราทุกคนคาดหวัง คือการทำให้ทุกๆอัลบั้มมีความสดใหม่เหมือนกับเป็นอัลบั้มแรกของเราเสมอ” เลอวีนกล่าว “เราไม่เคยหยุดนิ่งกับความสำเร็จที่ได้รับในขณะนี้ และจะพยายามสร้างสรรค์ผลงานให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก และอัลบั้มนี้ก็แสดงออกถึงจุดยืนนั้นของเราอย่างชัดเจน”
สมาชิกวง
อดัม เลอวีน (Adam Levine) เกิดเมื่อ: 18 มีนาคม 1979 บ้านเกิด: ลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา แนวดนตรี: Soul, Pop, Power Pop อาชีพ: นักร้อง นักดนตรี ตำแหน่ง: ร้องนำ กีตาร์ |
|
เจมส์ วาเลนไทน์ (James Valentine) เกิดเมื่อ: 5 ตุลาคม 1978 บ้านเกิด: ลินคอล์น รัฐนาบราสก้า สหรัฐอเมริกา แนวดนตรี: Rock, Pop, Funk อาชีพ: มือกีตาร์ ตำแหน่ง: กีตาร์ |
|
เจส คาร์ไมเคิล (Jesse Carmichael) เกิดเมื่อ: 2 เมษายน 1979 บ้านเกิด: โบลเดอร์ รัฐโคโลราโด้ สหรัฐอเมริกา แนวดนตรี: Rock, Soul, Pop อาชีพ: มือคีย์บอร์ด ตำแหน่ง: คีย์บอร์ด เปียโน กีตาร์ |
|
มิกกี้ แมดเดน (Mickey Madden) เกิดเมื่อ: 13 พฤษภาคม 1979 บ้านเกิด: ออสติน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา แนวดนตรี: Rock, Soul, Pop อาชีพ: มือเบส นักดนตรี ตำแหน่ง: เบส |
|
Matt Flynn เกิดเมื่อ: 12 มีนาคม 1970 บ้านเกิด: ปาโล อัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา แนวดนตรี: Rock, Soul, Pop อาชีพ: มือกลอง นักดนตรี ตำแหน่ง: กลอง |
รางวัล
2004
* Billboard Music Award - Digital Artist of the Year [39]
* MTV Europe Music Award - Best New Act
* MTV Video Music Awards Latin America - Best Rock Artist, International
* MTV Video Music Awards Latin America - Best New Artist, International
* MTV Video Music Awards - Best New Artist
* New Music Weekly Award - AC40 Group/Duo of the Year
* Teen Choice Award - Choice Breakout Artist
* World Music Award - World's Best New Group[40]
2005
* Grammy Award - Best New Artist
* Grammy Award - Best Pop Performance By A Duo Or Group With Vocal for "This Love" (Live - Friday the 13th version)[41]
* Groovevolt Music and Fashion Award - Best Collaboration, Duo or Group for "She Will Be Loved"[42]
* NRJ Radio Awards - International Breakout Act & Best International Song for "This Love"[43]
2007
* Billboard Music Award - Top Digital Album for "It Won't Be Soon Before Long"
* Grammy Award - Best Pop Performance by A Duo or Group With Vocals "Makes Me Wonder"
* Grammy Award - Best Pop Vocal Album "It Won't Be Soon Before Long" (Nominated)
2009
* Grammy Award - Best Pop Performance by A Duo or Group With Vocals "Won't Go Home Without You" (Nominated)
* Grammy Award - Best Pop Collaboration With Vocals"If I Never See Your Face Again" (with Rihanna) (Nominated)
2011
* Grammy Award Nomination– Best Pop Best Pop Performance by a Duo or Group with Vocals for “Misery”
ตารางทัวร์
Date |
Venue |
City |
Country |
15 April 2011 |
Turkcell Kurucesme Arena |
Istanbul |
Turkey |
19 April 2011 |
Gezira Youth Center |
Cairo |
Egypt |
21 April 2011 |
Dubai World Trade Center |
Dubai |
UAE |
23 April 2011 |
Impact Arena |
Bangkok |
Thailand |
25 April 2011 |
Singapore Indoor Stadium |
Singapore |
Singapore |
27 April 2011 |
Istora |
Senayan |
Jakarta |
29 April 2011 |
Putra |
Kuala Lumpur |
Malaysia |
1 May 2011 |
Burswood Dome |
Perth |
Australia |
5 May 2011 |
Rod Laver Arena |
Melbourne |
Australia |
6 May 2011 |
Acer Arena |
Sydney |
Australia |
7 May 2011 |
Brisbane Entertainment Centre |
Brisbane |
Australia |
9 May 2011 |
Adelaide Entertainment Centre |
Adelaide |
Australia |
12 May 2011 |
Castle Hall |
Osaka |
Japan |
13 May 2011 |
Century Hall |
Nagoya |
Japan |
15 May 2011 |
Pacifico Yokohama Hall |
Yokohama |
Japan |
16 May 2011 |
Budokan |
Tokyo |
Japan |
19 May 2011 |
Taipei Nangang Exhibition Center |
Taipei |
Taiwan |
21 May 2011 |
Asia World Arena |
Hong Kong |
Hong Kong |
23 May 2011 |
SMX Convention Center |
Manila |
Philippines |
25 May 2011 |
Olympic Gymnasium |
Seoul |
Korea |