วันนี้เราจะพาไปบินข้ามทวีปไปรู้จักกับ 8 เมืองสวย ยุโรป ที่มีความสวยงามของสถาปัตกรรมและธรรมชาติจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนต้องมนต์ จนอยากกลับไปเที่ยวซ้ำ

 

1. คาร์โลวี วารี, สาธารณรัฐเช็ก (Karlovy Vary, Czech Republic)

 

เริ่มต้นเที่ยว เมืองสวย ยุโรป กันที่ คาร์โลวี วารี ในสาธารณรัฐเช็ก มีชื่อเล่นหลากหลาย เช่น เมืองแห่งสปา เมืองแห่งน้ำพุร้อน ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในเรื่องของสปาและน้ำแร่ที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องของการรักษาโรคต่างๆ อีกด้วย คาร์โลวี วารีเป็นเมืองเก่าแก่ในหุบเขา ที่ยังคงความสวยงามของสถาปัตยกรรมเอาไว้ เมื่อเดินเข้าไปในเมืองจะพบกับอาคารสีพาสเทลที่ตั้งเรียงรายอยู่สองฝั่งของแม่น้ำ พูดได้ว่าเป็นเมืองเงียบสงบและสวยงามเหมาะแก่การพักผ่อน

 

รูปภาพจาก: www.karlovyvary.cz

 

2. กีธอร์น, เนเธอร์แลนด์ (Giethoorn, Netherland)

 

หมู่บ้านกีธอร์น ได้รับสมยานามว่า เวนิซแห่งเนเธอร์แลนด์ เพราะในหมู่บ้านมีเส้นทางสายหลักที่ใช้กันคือคลองที่ลัดเลาะไปตามบ้านเรือน ไม่ต้องแปลกใจหากจะไม่เห็นรถซักคันวิ่งที่นี่ เนื่องจากที่กีธอร์นห้ามไม่ให้ใช้รถในหมู่บ้านโดยไม่จำเป็น ผู้คนจึงเดินทางด้วยการเดิน จักรยาน หรือเรือเท่านั้น บรรยากาศที่สวยงามและเงียบสงบของกีธอร์นจะทำให้เป็นอีกหนึ่ง เมืองสวย ยุโรป ที่ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกแห่งเทพนิยายจริงๆ

 

รูปภาพจาก: www.giethoorntourism.com

 

3. ฮัลล์สตัท, ออสเตรีย (Hallstatt, Austria)

 

ที่ ฮัลล์สตัท คุณจะได้พบกับความสวยงามของธรรมชาติแบบ 360 องศา ทะเลสาบที่น้ำใสราวคริสตัล ทิวทัศน์ของภูเขาที่เปลี่ยนสีตามฤดูกาล และบ้านเรือนน่ารักๆ ที่ตั้งลดหลั่นบริเวณเชิงเขา สิ่งเหล่านี้คือเอกลักษณ์ของฮัลล์สตัทที่หาไม่ได้จากที่ไหน ไม่ว่าจะเดินเล่น ล่องเรือ หรือนั่งทานอาหารในร้านริมทะเลสาบ ก็จะสัมผัสถึงบรรยากาศดีๆ ได้ทุกที่รอบตัว

 

 

รูปภาพจาก: www.hallstatt.net
 

4. ไบเบอร์รี่, สหราชอาณาจักร (Bibury, United Kingdom)

 

 

เที่ยวยุโรป กันต่อที่ ไบเบอร์รี่ ตั้งอยู่ในเขตคอร์สเวิร์ด (Cortswold) อยู่ไม่ไกลจากลอนดอนมากนัก เป็นหนึ่งในหมู่บ้านเก่าแก่ที่สวยที่สุดในอังกฤษ เพราะธรรมชาติของต้นไม้เขียวชะอุ่ม ลำธารที่ไหลผ่านหมู่บ้านและถนนเล็กๆ อีกทั้งเอกลักษณ์ของบ้านแบบดั้งเดิมที่สร้างจากหิน จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในโลกของนิทานเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่ง เมืองสวย ยุโรป ที่น่ารักมากๆ

 

 

5. เชสกี้ ครุมลอฟ, สาธารณรัฐเช็ก (Cesky Krumlov, Czech Republic)

 

 

อีกหนึ่งเมืองเล็กๆ จากยุคกลางที่เสมือนเมืองแห่งเทพนิยาย เชสกี้ ครุมลอฟ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปราก มีปราสาทเชสกี้ ครุมลอฟตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาเหนือเมือง เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้เมืองนี้ดูสวยงามคือสถาปัตยกรรมและอาคารบ้านเรือน บ้านบางหลังถูกวาดด้วยหลากหลายสีสันเข้ากับหลังคาสีส้มเป็นอย่างดี แม้แต่กำแพงภายในปราสาทก็ยังถูกวาดด้วยลวดลายต่างๆ ด้วยเช่นกัน ใครมา เที่ยวยุโรป ห้ามพลาดที่นี่นะคะ

 

 

รูปภาพจาก: www.ckrumlov.info, www.czechtourism.com
 

6. บรูจส์, เบลเยี่ยม (Bruges, Belgium)

 

 

ภาพของ บรูจส์ สวยงามเหมือนเมืองในฝัน ทั่วเมืองเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน ถ้าได้ล่องเรือสัมผัสอีกหนึ่งบรรยากาศของเมืองบรูจส์ รับรองจะต้องประทับใจกับบรรยากาศดีๆ ที่ได้สัมผัสแน่นอน มุมสุดโรแมนติกที่แนะนำคือ Rozenhoedkaai, Bonifacius bridge, Groenerei

 

 

 

รูปภาพจาก: http://bezoekers.brugge.be
 

7. เบิร์กฮาวเซน, เยอรมนี (Burghausen, Germany)

 

 

ที่นี่คือ เบิร์กฮาวเซน ที่ตั้งของปราสาทที่ยาวที่สุดในโลกอย่างปราสาทเบิร์กฮาวเซน ปราสาทเก่าแก่อายุกว่าพันปีดูจากภายนอกอาจจะไม่ได้ดูสวยงามเท่าปราสาทอื่นๆ ในเยอรมนี แต่ถ้าได้เข้าไปเดินบริเวณปราสาทคุณจะได้สัมผัสบรรยากาศที่หาไม่ได้จากที่ไหน นอกจากปราสาทอันโดดเด่นแล้วในเมืองนี้ยังมีอีกหลากหลายมุมให้เที่ยวชม ถ้าได้เดินเล่นในถนนคนเดินของย่านเมืองเก่าจะพบกับบ้านเรือนและร้านค้าน่ารักๆ มากมาย

 

 

รูปภาพจาก: visit.burghausen.de

 

8. กอลมาร์, ฝรั่งเศส (Colmar, France)

 

ถ้าคุณชื่นชอบหมู่บ้านน่ารักๆ ในการ์ตูนสุดคลาสสิกของดิสนีย์อย่างเรื่อง โฉมงามกับเจ้าชายอสูร (Beauty and the Beast) คุณจะต้องหลงรัก กอลมาร์ อย่างแน่นอน บ้านหลากสีสันที่ตั้งเรียงรายดูสวยงามเหมือนหลุดออกมาจากโลกของเทพนิยาย ไม่ว่าใครได้เห็นก็ต้องประทับใจ สถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ของกอลมาร์คือย่าน Fishmonger อีกแห่งคือ Little Venice ที่คุณสามารถล่องเรือชมเมืองได้

 

 

รูปภาพจาก: www.tourisme-colmar.com

 

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก www.govivigo.com

ขอบคุณข้อมูลจาก mushroomtravel