ตะลุยนิวซีแลนด์เกาะเหนือยันเกาะใต้...แบบไม่ง้อทัวร์

กินเที่ยว
ตะลุยนิวซีแลนด์เกาะเหนือยันเกาะใต้...แบบไม่ง้อทัวร์

สัมผัสชีวิตอิสระแห่งการเดินทางสู่ นิวซีแลนด์ เหมือนกับสวรรค์บนดิน ตะลุยดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะ เดินเล่นบนธารน้ำแข็ง อยากเห็นความสวยงามกันแล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น ไปเที่ยวนิวซีแลนด์กันเลย


สัมผัสชีวิตอิสระแห่งการเดินทางสู่  "นิวซีแลนด์"จากบันทึกการเดินทางของ คุณแม่หมูกับหมูน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ในช่วงที่มีหิมะตกของปลายเดือนมิถุนายน-ต้นกรกฎาคม ตะลุยดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะ เดินเล่นบนธารน้ำแข็ง เต็มอิ่มไปกับการชื่นชมความงดงามของธรรมชาติ ความเงียบสงบ เหมือนกับที่มีคนพูดเปรียบเปรยเอาไว้ว่า "นิวซีแลนด์เหมือนกับสวรรค์บนดิน" จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นิวซีแลนด์จะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางในดวงใจของใคร หลาย ๆ คน อ๊ะ ๆ เพื่อน ๆ คงอยากเห็นความสวยงามกันแล้วใช่ไหม ? ถ้าอย่างนั้นเราตามบันทึกการเดินทางของ คุณแม่หมูกับหมูน้อย ไปเที่ยวนิวซีแลนด์กันเลย…


 
13 days in New Zealand

ประเทศที่ใคร ๆ เรียกว่าดินแดนแห่งกีวี เพราะกีวีถูกและเยอะมากในนิวซีแลนด์ แต่ที่จริงแล้วเค้าหมายถึงนกกีวีต่างหาก


มาเริ่มกันเลยดีกว่า เริ่มด้วยรายละเอียดทั้งหมดของทริปนี้กัน แบมเดินทางกับแม่สองคนเท่านั้น ในช่วง ปลายมิถุนายน-ต้นกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงหนาว ถ้าเกาะใต้ประมาณ 0-13 องศาเซลเซียส ถ้าเกาะเหนือประมาณ 8-20 องศาเซลเซียส เราสองคนตั้งใจจะเป็น Backpackers กัน ทุกอย่างที่ไปและทุกอย่างที่เดินทางก็จะทำเหมือน Backpackers ทั่ว ๆ ไป ความสะดวกสบายและความลำบากก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่มันก็เป็นความทรงจำอีกแบบที่น่าจดจำ

การเดินทาง : Bus แบบ Flexipass ทั้งหมดทริป แบมเลือกใช้ของ intercity ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เป็นการงงในการดูตั๋วด้วย แต่ intercity มีสองแบบให้เลือก คือ แบบ Travelpass (ราคาถูกกว่าแต่ไม่สามารถเลื่อนเวลาได้ หรือถ้าอยากเลื่อนจะเสียเงินเพิ่ม ซึ่งเอาจริง ๆ แพงกว่าซื้อใหม่) แบบ Flexipass (ราคาแพงกว่าเท่าหนึ่ง แต่สามารถเลื่อนเวลาได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะบางครั้งสภาพอากาศหรือเรามีปัญหาอะไรสักอย่าง หรือรถไม่สามารถวิ่งได้เนื่องจากสภาพอากาศ ยิ่งหน้าหนาวตั๋วแบบนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี) ซื้อตั๋ว 15 ชั่วโมง ราคา $119 ซึ่งสามารถจัดสรรเวลาทั้งหมดและจองพร้อมกัน  มันจะถูกกว่าซื้อแยก www.intercity.co.nz

รายละเอียดของรถ : รถของ intercity ทุกคันมี Wi-Fi ให้เล่นตลอด ไม่รวมขึ้นเขา-ลงเขานะ มันไม่มีสัญญาณหรอก และพนักงานขับรถจะพูดรายละเอียด อธิบายสถานที่แต่ละที่ ก่อนจะถึงก็จะเริ่มพูดแสดงว่าใกล้ถึงแล้ว ลองสังเกตดี ๆ ส่วนห้องน้ำจะมีแค่บ้างคันเท่านั้น แต่ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะรถจะจอดตลอดให้ทุกคนลงไปเข้าห้องน้ำ

ป.ล. ทุกครั้งต้องเช็กเวลาถึงดี ๆ นะ เพราะว่ารถมันไม่ได้จอดป้ายเราป้ายสุดท้าย ถ้ามันเลยไปแล้วเราก็ซวยค่ะ จะต้องตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาถึง 30 นาที เพื่อเตรียมตัวและเก็บของเผื่อลืมอะไร และพนักงานขับรถไม่มาบอกด้วยนะว่าถึงแล้วป้ายของคุณ

ค่าเงิน : $1 = 25.07 บาท


ท่องเที่ยว : ขาไป Bangkok-Auckland (ต่อเครื่องเท่านั้น)-Christchurch และขากลับ Auckland-Bangkok

ที่พัก : ที่พักทั้งหมดสำหรับทริปนี้ตั้งไว้ราคาไม่เกิน $90 ประมาณ 2,256 บาท สำหรับสองคน และจะเลือกโรงแรมที่ใกล้กับจุดจอดรถในวันถัดไปเสมอ เพื่อสะดวกและไม่ตกรถอีกด้วย

Information : ในนิวซีแลนด์ไม่ต้องกลัวว่าจะหลง ทุกเมืองจะมี Information Centre หรือเรียกง่าย ๆ ว่า I-Site Visitor ให้ถามข้อมูลถามรายละเอียด

Wi-Fi : โรงแรมส่วนใหญ่จะไม่มี Wi-Fi ให้เล่น หรือมีก็จะมีแค่ 30 นาที เท่านั้นที่เหลือก็เสียเงินเอง ซึ่งไม่แพงมาก แต่ถ้าใครต้องเล่นทุกวันแนะนำซื้อ Package Wi-Fi แบบพกพาดีกว่า มีที่สนามบิน


วันที่ 1 Christchurch แสนร้าง

มันไม่แปลกที่เมืองนี้เป็นเหมือนเมืองร้าง มีสิ่งก่อสร้างมากมายกำลังสร้างตึก สร้างถนน และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก เพราะแผ่นดินไหวในปี 2012 ทำให้ทุกอย่างในเมืองนี้หายเกือบหมด ถึงตอนหกโมงเย็นนั่งรถ bus คนละ $12 เข้าเมืองใช้เวลา 30 นาที และพักที่โรงแรม BreakFree on Cashel (Cashel Street & Manchester st) ซึ่งใกล้กับจุดจอดรถ bus ที่จะขึ้นวันถัดไป


โรงแรม

ข้อดี : เพิ่งเปิดได้แค่ 3 เดือน ทุกอย่างเลยใหม่และสะอาด

ข้อเสีย : ห้องเล็กมากจนไม่มีที่เดิน Wi-Fi เล่นได้แค่ที่ Lobby เท่านั้นและเพียงแค่ 30 นาที ที่เหลือต้องเสียเงิน

วันที่ 2 Lake Tekapo





 
ขึ้นรถที่ Armagh st.& Manchester st. เดินขึ้นไป 4 บล็อก จะมีจุดรอรถ ซึ่งสังเกตได้จะมีคนยืนรออยู่ และมีห้องสำหรับสอบถามข้อมูลเล็ก ๆ เข้าไปนั่งหลบหนาวได้ดีทีเดียว ระหว่างทางไปชมข้างทางถือว่าสวยเลยล่ะ อยากให้นั่งฝั่งขวาข้างเดียวกับคนขับรถเพราะวิวสวยกว่า ที่จริงแล้ว Lake Tekapo ขึ้นชื่อเรื่องดอก Lupins สีม่วง สีชมพู เต็มทุ่งข้างทะเลสาบ แต่ตอนนั้นหิมะตกจะเห็นดอกอะไรนอกจากหิมะล้วน ๆ เลือกพักที่ Lakefront backpackers Tekapo เป็น Hostel ที่มีทั้งนอนรวมและห้องส่วนตัว เลือกพักแบบห้องส่วนตัวซึ่งไม่ได้อยู่ในตัวตึกใหญ่กับห้องรวม ซึ่ง Hostel นี้เดินประมาณ 1 กิโลเมตร กว่าจะถึง ถ้าใครชอบเดินก็แนะนำ แต่ถ้าใครไม่ชอบเดินและกระเป๋าเดินทางใบใหญ่แนะนำพักใกล้จุดจอดรถดีกว่า ราคาพอ ๆ กันเลย

โรงแรม

ข้อดี : ระหว่างทางเดินวิวสวยมาก และมีรถมารับแต่ไม่มีรถมาส่ง สามารถโทรให้รถมารับที่ information centre ได้ ให้พนักงานในนั้นโทรให้ ซึ่งสภาพรถมันไม่ใช่รถสำหรับรับคน มันคือรถทำความสะอาด และให้เรานั่งยอง ๆ หลังรถอะ

ข้อเสีย : ห้องพักส่วนตัวอยู่ข้างหลังตึกรวม เวลาอาบน้ำต้องเดินไปตึกใหญ่ ซึ่งหน้าหนาว พักแบบรวมเถอะ กว่าจะเดินผ่านหิมะตายดีกว่า, ฮีสเตอร์แทบไม่ทำงาน หนาวตัวขดในห้องกับแม่สองคน, ที่พักอยู่ไกลจากแหล่งซื้อของ หิวก็ต้องกิน ๆ อะไรในกระเป๋าไปก่อนละกัน ที่ Hostel ไม่มีอะไรขายสักอย่าง

วันที่ 3 Mt.Cook


 
เดินไปขึ้นรถที่เดิมที่คนขับรถส่งเราลงนั่นแหละ และเดินไปโบสถ์ที่แอบไกลอยู่ประมาณ 20 นาที เผื่อเวลาดี ๆ เดี๋ยวกลับมาไม่ทันรถ เพราะรถมีแค่รอบเดียวต่อวัน พอขึ้นรถคนก็ยังน้อยเหมือนเดิม 10 คนได้ รถเป็นของเรา นอนยาวเลย




จนถึง YHA Mt.Cook ตอนลงจากรถตกใจมาก เพราะล้อมไปด้วยภูเขาและหมอกหนักมาก ๆ ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย ส่วน YHA เป็น Hostel ที่ทุกคนรู้จักกันดีในนิวซีแลนด์ เพราะว่ามีทุกเมือง และเอาจริง ๆ ก็ดีเกือบทุกเมืองเลย ยิ่งถ้าสมัครสมาชิกจะได้ราคาที่ถูกกว่าด้วย Hostel นี้แนะนำให้จองแต่เนิ่น ๆ ถ้ารู้ว่าจะไปเพราะว่าเต็มเร็วมาก ใน Mt. Cook มีที่พักน้อยมาก ถ้าจองไม่ทันก็อาจจะไม่ได้ไปก็ได้ พอเช็กอินพนักงานจะบอกรายละเอียดว่าวันนี้ไปเที่ยวไหนได้บ้างที่ไหนเปิด ที่ไหนปิด ซึ่งปิดหมด เปิดแค่ที่เดียวเท่านั้น เพราะเค้าบอกว่าหิมะตกหนัก กระทั่งขึ้นเฮลิคอปเตอร์ก็ปิด จากนั้นก็ออกไปเดิน แวะ information centre ถ้าไปหน้าหนาวแนะนำถุงมือไปด้วย รองเท้ากันหิมะ เจ้าหิมะมันกัดเหมือนมันเกลียดฉัน

โรงแรม

ข้อดี : มี Wi-Fi ตลอดตึก เล่นไปเถอะ, มีของขายสำหรับทำอาหาร, มีห้องซาวน่า เปิดแค่ 07.00-09.00 PM. เท่านั้น, รถจอดรับที่พักเลย ไม่ต้องเดินไปไหน

ป.ล. แนะนำกิจกรรมที่ต้องทำ...ล่องเรือ
www.glacierexplorers.co.nz มันจะเปิดเป็นช่วงเดือนเท่านั้น เช็กและจองก่อนไป อีกอย่างคือนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปชมบนเขา มันคือที่สุดของที่สุดจริง ๆ แต่ทุกอย่างต้องเช็กสภาพอากาศก่อนเดินทางให้ดี ถ้าแพลนวันผิดทุกอย่างก็จบ

วันที่ 4 Queenstown มหัศจรรย์เมืองในฝัน





 
ที่จริงแล้ววันนี้แพลนว่าจะไปเดินดูต้นไม้ภูเขา เพราะรถมารับ 04.00 PM. แต่ตื่นเช้ามาฝนตกหนัก หิมะลงเยอะกว่าเมื่อวาน อากาศปาเข้าไป -1 องศาเซลเซียส ดูหนังหรือคุยกับ Backpacker คนอื่นจะได้รู้ว่าเค้าทำอะไรหรือไปไหนกัน ก็ฝึกภาษาได้ดี งู ๆ ปลา ๆ มันก็รู้เรื่องแฮะ เอองงเหมือนกัน พอรถมาถึงพนักงานขับรถจะเข้ามาและตามพวกเราขึ้นรถ ซึ่งนั่งรถใกล้ถึง Queenstown รถจะแวะตลาดผลไม้ ซึ่งถูกมาก ถ้าชอบก็ซื้อเลยเพราะถูกกว่าในเมือง แต่ไม่แนะนำให้ซื้อถั่วเด็ดขาด ผลไม้อย่างเดียวพอ โดยเฉพาะกีวี กีวีที่นี่มีสามชนิด แบบ Green, Gold และ Red แบมชอบ Gold สุดนะ กีวี Red เค้าบอกว่าเป็นพันธุ์ใหม่ที่บางเมืองยังไม่มี วันนี้เลือกพักที่ Haka Lodge Queenstown เดินจากจุดจอดรถแค่สองบล็อกซึ่งใกล้มาก ๆ และก็ถือว่าถูกและดี เป็นโฮลเทลที่มีห้องส่วนตัว จองแบบห้องส่วนตัวไป แต่ใช้ห้องน้ำรวมสะอาดมาก

โรงแรม

ข้อดี : สะอาดและใกล้ในเมือง พนักงานเป็นกันเอง ช่วยเหลือทุกอย่าง สอบถามเรื่อง bus ทัวร์ต่าง ๆ ได้หมด แถมยังติดต่อให้อีกด้วย

ข้อเสีย : ห้องเต็มเร็วมาก ควรจะจองอย่างด่วน แต่นอนห้องรวมก็โอเค เพราะมันเป็นม่านกั้น สัดส่วนที่ชัดเจนเหมือนนอนคนเดียว แต่ถ้าไปสองคนนอนห้องเดี่ยวดีกว่า ราคาห้องรวมสองคนเท่ากันเลยมีทีวีด้วย



พอถึงที่พักหิวสุด ๆ ออกมากินเบอร์เกอร์ที่ดังที่สุดในเมืองนี้ คนต่อคิวยาวมาก มาตอนสามทุ่มรอประมาณ 40 นาที สังเกตได้จริง ๆ ว่าร้านนี้ เพราะคนจะยืนกันเต็มไปหมด ร้าน Fregburger ไม่ได้มีขายแค่เบอร์เกอร์ ยังมีเบเกอรี่ ไอศกรีม สามบล็อกติดกัน ระหว่างต่อคิวก็แอบไปซื้อ Peach Danish มากิน แต่ที่เด็ดสุดคือ Burger สั่ง Tropical Swine 13.90$ มันเยี่ยมจริง ๆ เค้าทำใหม่หมดและทุกอย่างสด ถึงได้ทำนานกว่าปกติ

ป.ล. สำหรับผู้หญิงแม่ลูก สั่งอันเดียวก็พอเพราะมันอันใหญ่มาก ๆ กินสองคนก็ยังอิ่มมาก

วันที่ 5 Milford Sound



 
 

 
มิลฟอร์ดซาวน์ คือฟยอร์ดขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติฟยอร์ดแลนด์ มีชายฝั่งที่เว้าแหว่งซึ่งไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน มิลฟอร์ดซาวน์จึงได้รับการยกย่องให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกเลยทีเดียว สำหรับวันนี้เลือกจองทัวร์ของ intercity ไปเลยไม่แพงและคุ้มสุด (www.intercity.co.nz) ออกตั้งแต่ 07.20 AM. กลับ 07.45 PM. ในราคา 119$ เช้าตรู่ยันดึก




และจอดแวะชมวิว ชมธรรมชาติ จุดสวย ๆ ทั้งหมดเกือบ 8 ครั้งได้ พาไปลอดอุโมงค์ที่ยาวมา ไม่รู้ว่าเจาะอุโมงค์ยังไง จะมีไฟเขียวไฟแดงอยู่ด้านหน้าถ้ำเพื่อให้รถวิ่ง ในถ้ำมืดมากและมองไม่เห็นแสงปลายทางด้วย มีแสงเล็ก ๆ ตามรอยต่อบางที่ น้ำหยดตลอดเวลา ชื้นมาก ๆ แต่ถือว่าวันนี้โชคดีมากเพราะอากาศดี ฝนไม่ตกหนัก ท้องฟ้าเปิด ระหว่างทางที่ขับรถไป Milford Sound ก็แอบกลัวนิด ๆ ทางมันแคบมาก คนขับรถก็วิ่งเร็วซะจนคิดว่านี่อยู่ในรถแข่ง แต่เค้าคงชินกับทางแล้วแหละ พอถึงก็พักเข้าห้องน้ำ รอเรือประมาณ 15 นาที เท่านั้นก็ขึ้นเรือ เรือใหญ่และคนไม่เยอะอย่างที่คิด ใครที่ซื้อตั๋วอาหารกลางวันมาจะมีบุฟเฟ่ต์ในเรือ แต่ตักได้แค่ครั้งเดียวในจานเดียว มันเรียกบุฟเฟ่ต์ยังไง ? ส่วนใครไม่มีก็ขึ้นชั้นบนไปกินแค่กาแฟ ชา นมเท่านั้นแหละ แต่บางคนก็พกแซนด์วิช ขนมปัง ผลไม้มากินเอง แต่จะแนะนำว่าควรจะซื้ออาหารมาด้วยตอนซื้อทัวร์ในเว็บไซต์ เพราะราคาถูกกว่าครึ่ง ถ้ามาซื้อตอนขึ้นเรือเสีย 32$ เหมือนคนที่ซื้อหน้าเว็บมา ซึ่งมีเวลากินแค่ 15 นาทีเท่านั้น ต้องรีบขึ้นมาถ่ายรูป เพราะระหว่างที่ตักอาหารเรือก็แล่นแล้ว กินช้าก็พลาดฉากสวย ๆ พอภูเขาไหนมีน้ำตกเรือจะเข้าไปใกล้เพื่อให้ได้ถ่ายรูปและเก็บภาพสวย ๆ กัน อยากได้รูปสวยต้องอยู่ชั้นบนสุด แต่ก็มีข้อเสียคือน้ำกระเด็นจนเปียกไปหมด จากนั้น 45 นาที ก็กลับมาจุดเดิม นั่งรถกลับ Queenstown

วันที่ 6 Queenstown



วันนี้เป็นวันสบาย ๆ ล่องเรือดูธรรมชาติ แกะขนปุกปุย นั่งกระเช้า ขับรถ Luge เริ่มด้วยนั่งเรือไปดูแกะ www.realjourneys.co.nz




เรือบอกถึงความโบราณที่ใช้ถ่านในการขับเคลื่อนเรือ ระหว่างทางได้เห็นภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ธรรมชาติที่หาไม่ได้แล้ว พอถึงจะได้รับการต้อนรับจากพนักงานที่ใส่ชุดแอบคาวบอย และเรียกไปนั่งดูตัดขนแกะ มีแกะประมาณ 5 ตัว ที่อยู่ในรั้วรอตัดขน และสุนัขที่นั่งเฝ้าด้านล่างเวที เพราะแกะมันกลัวสุนัข จากนั้นเค้าก็โชว์วิธีต้อนแกะที่ง่ายและตลกดี เค้าจะใช้สุนัขในการต้อนแกะ แกะมันจะวิ่งหนีแบบแตกตื่นนะ แต่พอแบมเห็นแล้วเออน่ารักดี ขนมันน่านอนมาก ฮ่า ๆๆ หลังจากผ่านไปชั่วโมงครึ่งก็มาพักกินของว่าง ใครที่ซื้ออาหารกลางวันมาจะได้ไปกินเนื้อแกะ ไม่รู้เท่าไรเพราะไม่ได้ซื้อ เลยมาอีกห้องมีเค้ก สโคน แยมมากมาย ชา กาแฟ แค่นี้ก็อิ่มมาก ๆ แล้ว พอผ่านไป 30 นาที ก็พามาดูกวาง แกะ และตัวอะไรไม่รู้ ใครรู้ช่วยบอกทีฟังไม่ทัน พนักงานจะถือตะกร้าอาหาร ให้เราหยิบและยื่นให้มัน มันเลียมือจนแฉะไปหมด


ต่อมาไปกินร้านขนมที่ขึ้นชื่อของที่นี้กัน Patagonia Chocolate ตั้งอยู่ตรงท่าเรือที่ลงเรือเลย หมดเห็นชัดเจน ที่มีทั้งไอศกรีม ช็อกโกแลต กาแฟ ขนมปังให้เลือกจนไม่รู้จะเลือกไรดี สุดท้ายเลือกไอศกรีม ซึ่งก็มีหลายรสให้เลือก ยิ่งไปกว่านั้นจะมีป้ายปักเต็มไปหมดว่าอันไหนได้รางวัลอะไรบ้าง คนอย่างเราก็ต้องเลือกอันที่ได้รางวัลเยอะสุดเลยคือ Raspberry Sorbet เหมือนจะเป็นรสธรรมดาแต่มันอร่อยจริง ๆ นะ นั่งกินสักพัก ไปขึ้น Skyline Gondola เดินจากร้าน Patagonia มาแป๊บเดียว เพลินกับการดูเมืองมากกว่า



ซื้อตั๋ว Skyline Gondola & Luge 2 rides ราคา 45$ ถ้าไปซื้อ Luge แยกด้านบนจะแพงกว่า (www.skyline.co.nz/queenstown) แต่ถ้าใครอยากจะดื่มด่ำในบรรยากาศต่อก็แนะนำซื้อ Dinner+Skyline ไปเลย ราคา 69$ รวมค่าขึ้นแล้ว

วันที่ 7 Auckland สวรรค์ของคนเกาะเหนือ





เริ่มจากไปสนามบินโดยใช้บริการรถ Super Shuttle bus ที่จองผ่านเว็บไซต์ เพราะพนักงานที่ Hostel บอกมา ราคามันไม่ต่างกับการนั่ง bus มาลงเลย เพราะเรามีกันสองคนราคา 32$ ขนกระเป๋าให้ด้วยและมารับถึงหน้า Hostel ตรงเวลาเป๊ะ ๆ ไม่มีกังวล นั่ง Jet Star ไปลง Auckland ใช้เวลาบินประมาณหนึ่งชั่วโมง จากนั้นนั่งรถบัส คนละ 12$ มาลงในเมือง ชื่อ Airbus Express ซึ่งเราต้องสั่งเกตดี ๆ ว่าเราต้องลงหมายเลขที่เท่าไร โรงแรมใกล้หมายเลขอะไร เพราะคนขับรถจะบอกว่าตอนนี้หมายเลขอะไรแล้ว
 

วันนี้พักที่ Ibis style Auckland ห้องเล็กกะทัดรัด แต่อยู่ในเมือง มีระเบียงที่มองเห็น Skytower อย่างชัดเจน วันนี้ไม่มีอะไรมาก เดินเล่นชมเมือง ซื้อของฝาก เพราะเหมือนเป็นวันพักผ่อนมากกว่า ไม่ต้องเร่งรีบอะไร อากาศก็ไม่หนาวที่เกาะใต้ ชิล ๆ เลยล่ะ

โรงแรม

ข้อดี : โรงแรมอยู่ในเมือง ง่ายต่อการเดินทางไปไหนมาไหน

ข้อเสีย : โรงแรมค่อนข้างเก่า เราถามเค้าว่าทำไมห้องมีกลิ่นอับทุกห้องเลย เค้าบอกว่ามันเป็นตึกเก่าเอามาทำใหม่ ซึ่งก็ยังทำได้ไม่ดี แต่คนพักค่อนข้างเยอะเพราะมันถูกและมีที่ทำครัวในห้อง (แต่ต้องขออุปกรณ์ จาน ชาม ที่เคาน์เตอร์) ทุกห้องจะมีกลิ่นซึ่งมันมาจากท่อ...ก็ทำใจ

วันที่ 8 Auckland History




 
จองทัวร์ตามโบรชัวร์ เพราะไม่ได้จองอะไรมา ต้องมาดูสภาพอากาศก่อนว่าควรจะเดินทางช่วงไหน สรุปได้ว่าต้องช่วงเช้าเพราะตอนบ่ายฝนตก อีกละ ! เลือกใช้บริการของ Grayline Tours ซึ่งก็คุ้ม ถ้าเทียบกับหลาย ๆ บริษัทที่ดูที่โรงแรมและมันเป็นอีกบริษัทที่ดังในนิวซีแลนด์ ให้พนักงานที่โรงแรมติดต่อจองให้ และรถจะมารับเราที่หน้าโรงแรม ใช้เวลาเพียงครึ่งวัน ทั้งรถมีแค่ 4 คนเท่านั้น ทำไมมันน้อยจัง คนขับรถจะคอยพูดอธิบายทุกสถานที่ที่ไป แอบค่อนข้างน่าเบื่อ เพราะเอาจริงสถานที่มันไม่ดึงดูดอะ แถมหลับกันเกือบตลอดทาง 55555 และตอนจบทริปเราสามารถบอกเค้าได้ว่าเราจะลงที่ไหน เค้าจะขับรถไปส่งเรา แบมเลือกลง Pier เพื่อจะหาอย่างอื่นทำต่อ ก็มาเดินชมวิวทะเล


 
และไปกินไอศกรีม Giapo Haute Ice Cream ซึ่งมีโคนให้เลือกมากมาย น่ารักมาก ๆ ส่วนไอศกรีมจะขึ้นอยู่กับแต่ละวัน มีกระดานเขียนว่าวันนี้มีอะไรบ้าง มันจะเป็นไอศกรีมที่เค้าคิดส่วนผสมให้เราเสร็จแล้วว่าแต่ละอันต้องใส่อะไร เลือกกิน Christchurch Hazelnuts. หลังจากกินไอศกรีมเสร็จก็เริ่มฝนตก มากินกาแฟละกัน ร้านลักษณะอาร์ต ๆ แต่ส่วนตัวชอบนะ กาแฟก็อร่อย โดยเฉพาะ Espresso

วันที่ 9 Hobbiton





 
ขึ้นรถจาก Auckland-Matamata (Hobbiton Village)-Rotorua วันนี้ซื้อทัวร์ของ intercity เหมือนเดิม www.intercity.co.nz แต่เลือกไปลงเมืองอื่นที่ไม่ใช่จุดเดิม คือเมือง Rotorua เมืองสวรรค์ของน้ำพุร้อน คนเต็มรถทั้งคัน เพราะคันที่ขึ้นมันจะไป Rotorua ไม่ได้ลงที่ Matamata แต่ของแบมต้องลงที่ Matamata ก่อนเพราะจะไปหมู่บ้านฮอบบิทกัน

พอถึง Matamata พนักงานจะให้เราเข้าไปใน I-site เพื่อที่จะรับตั๋วและรับสติ๊กเกอร์ แผนที่ และฝากกระเป๋า เสียค่าฝากใบละ 5$ จากนั้นรถก็จะมารับไป ซึ่งรถก็ยังเป็นสัญลักษณ์ Hobbit  นั่งรถไปก็จะถึงสักที ไกด์บอกวิธีปฏิบัติตัว สิ่งที่ต้องทำและไม่ควรทำ นั่นก็คือต้องเดินตามกันไปเป็นกลุ่มเท่านั้น ไม่มีการแยกย้ายกันเดิน ถ้าเรามัวแต่ถ่ายรูปเดินช้า เค้าจะตะโกนเรียก ทำเราอายไปเลย และถ้าเดินเลยมาแล้วห้ามเดินย้อนกลับไป คือใครเร็วใครได้อะ พอเดินข้ามสะพานมาจะมีให้เข้าไปชิมน้ำหวานที่ทางทัวร์เตรียมให้ ขอบอกว่ารีบไปเร็ว ๆ นะเพราะน้ำหมดเร็วมาก ทุกคนแย่งกัน บางคนไม่ได้กินก็สั่งอย่างอื่นแทน จากนั้นกลับมาจุดเดิม มีเวลา 1 ชั่วโมง เลยไปเดินเล่นดูเมืองนิดหน่อย และรถก็มาจนถึง Rotorua เป็นเมืองที่ information centre ใหญ่มาก มีทุกอย่าง คนเยอะแยะ พนักงานช่วยและตอบคำถามดี แบมเดินมาที่พัก ไกลพอสมควร แต่ไม่ได้ไกลมาก ที่พักค่อนข้างโอเคแต่ไม่ได้ดี พักที่โรงแรม  Astray Motel & Backpackers

โรงแรม

ข้อดี : ราคาไม่แพงมาก ห้องส่วนตัว

ข้อเสีย : อินเทอร์เน็ตจำกัด พักสองวันก็ให้อินเทอร์เน็ตแค่ครั้งเดียว, ห้องค่อนข้างเก่าแล้ว


โดยภาพรวมเมืองนี้เงียบมาก แทบไม่มีร้านอะไรเปิดเกิน 1 ทุ่ม ปิดหมด เงียบหมด กลางวันก็เงียบ ร้านค้ามีมากมายแต่ดันไม่เปิด ผับบาร์มีเปิดแค่สองถึงสามร้าน คนน้อยสุด ๆ

วันที่ 10 Wai-o-Tapu

วันนี้มาเดินเล่นก่อนจะขึ้นรถไป Wai-o-Tapu มีจัดแสดงรถพอดี มีตลาดด้วย ติดทะเลสาบพอดี

 


ต่อมาไปน้ำพุร้อน เป็นวันที่โหดร้ายที่สุดในทริป เพราะว่าอ่านมาในอินเทอร์เน็ตเค้าบอกว่าสามารถเดินจากถนนใหญ่ได้แค่ 2 กิโลเมตร เลยจองรถบัส intercity เช่นเดิมไปลง Wai-o-Tapu ขึ้นจาก information centre เพียงแค่ 25 นาที  คนขับรถก็ตะโกนและปล่อยลง คืองงมาก ไม่มีใครลงด้วยสักคน ลงกับแม่สองคนกลางถนนใหญ่ มีเพียงร้านอาหารตรงข้ามร้านเดียวเท่านั้น พนักงานตะโกนบอกเดินเข้าไปเดี๋ยวก็เจอ เราก็มองป้ายเออจริง เดิน 2 กิโลเมตร เดิน ๆๆๆ ไปจน 30 นาที ยังไม่มีวี่แวว คืออะไร ? เหนื่อย ตัดสินใจเดินออกมาถามร้านอาหาร เค้าบอกว่าเดินไกลมากนะน้อง ไม่รู้จะทำยังไง เลยบอกคนขายของว่าจ้างไปส่งหน่อยได้ไหม ? เค้าบอกไม่ได้หรอกเพราะว่าเค้าต้องเฝ้าร้านคนเดียว เค้าเลยไปช่วยพูดกับลูกค้าที่กำลังเช็กบิลให้ไปส่ง และก็ไปส่งจริง ๆ ซึ่งมันไกลมาก ๆ เดินไม่ได้จริง ๆ






พอถึงมันเรียกว่า Geothermal Wonderland ค่าเข้าราคาเท่าไรจำไม่ได้ แต่มันไม่แพงเท่ากับความสวยงามที่ได้เจอ เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เยอะและแต่ละที่มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ใช้เวลาดูไป 1 ชั่วโมงครึ่ง เก็บทุกจุดจริง ๆ ต้องไปให้ครบเพราะมันสวยจริง ๆ และแนะนำควรซื้อ มาสก์โคลน Rotorua ลองแล้วถือว่าดีนะ ตอนกลับก็พยายามโบกรถ ไม่มีใครจอด โบกคันสุดท้ายจอดค่ะ !! ดีใจ รีบถามและขอร้องให้ไปส่งถนนใหญ่ คุยไปคุยมาเป็นคนไทยน้ำตาจะร่วง เค้ากำลังกลับเมือง Rotorua พอดีเลยติดมาเลย

ป.ล. สำหรับคนไม่มีรถแนะนำให้ซื้อทัวร์จาก information centre ตอนที่ลงรถก่อนเข้าที่พักเลย เพราะมีรอบเดียวคือ 11.00 น. เท่านั้น ไม่งั้นจะลำบากแบบแบมไม่รู้ตัว

วันที่ 11 Waitomo คือ 20 สิ่งในโลกที่ควรมา คุ้มจริง ๆ



วันนี้ขึ้นรถจากที่เดิม  ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แบมซื้อตั๋วรถและซื้อทัวร์ Waitomo มาด้วยเลย พอมาถึงก็จะได้เข้าชมถ้ำเลย  ไม่ต้องซื้อตั๋วอีกครั้ง ภายในถ้ำห้ามถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอไม่ว่ากรณีใดก็ตาม เลยไม่ได้เก็บภาพสวย ๆ มาให้ แต่ต่อให้ถ่ายก็คงไม่เห็นเพราะมันมืดมาก เห็นเพียงแค่หิ้งห้อยเต็มไปหมดจริง ๆ พอดูเสร็จทุกคนที่มาด้วยกันนั่งรถกลับไป Auckland แต่แบมไม่กลับ จะหาที่พักที่ Otorohanga เพราะว่าพรุ่งนี้แบมจะนั่งรถไฟสาย Northern  Explorer ของ Kiwirail กลับ Auckland อยากจะบอกว่ามันคือ สิ่งหนึ่งที่ประทับใจจริง ๆ เพราะรถไฟสวยและวิวสุดยอดจริง ๆ



เริ่มจากเดินจากถ้ำ Waitomo มาที่ information centre เพื่อที่จะเรียก shuttle bus เข้าตัวเมือง

เมือง Otorohanga เป็นเมืองที่เล็ก ๆ มีเพียงถนนเส้นเดียวเท่านั้นที่เป็นแหล่งอาหารและช้อปปิ้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สำคัญเมืองนี้เป็นเมืองนกกีวี มีโรงแรมหรือโฮลเทลเพียงสามที่เท่านั้น และความโชคดีทั้งหมดมันอยู่ที่ คุณลุงที่ขับ Shuttle bus เป็นคนบอกเล่าประวัติและช่วยทุกอย่างระหว่างที่อยู่ที่เมืองนี้ ค่าโดยสารจาก information centre เข้าเมือง 12$ ระหว่างทางคุณลุงพาแวะดูต้นกีวีของจริง สวนกีวีที่ใหญ่มาก ๆ จากนั้นคุณลุงพาไปส่งที่ที่พัก แบมเลือกพักที่ Otorohanga Holiday Park เพราะมันถูกและเป็นตู้ส่วนตัว ห้องน้ำรวม แต่มันใกล้จากรถไฟฟ้ามาก ถ้าไม่ได้คุณลุงก็ต้องไปนอน Motel ที่สามารถเดินมาสถานีรถไฟได้ แต่ราคา Motel แพงกว่าเท่าหนึ่ง

วันที่ 12 Otorohanga-Auckland



นัดคุณลุงมารับ 11.00 AM. รถคุณลุงสามารถเป็นทั้ง Taxi ได้ มีมิเตอร์เพื่อคิดเงิน คุณลุงบอกให้ไปดู Kiwi House and Native Bird Park มันเป็นสวนนกที่ใหญ่และมีนกกีวีให้ดู ค่าเข้าเพียง 5$ เพราะได้ส่วนลดจากคุณลุง ดูชั่วโมงครึ่งคุณลุงมารับที่สถานีรถไฟ โดยไม่คิดค่าไปรับไปส่ง คือคนอะไรใจดีมาก แบมถามเค้าบอกว่าไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเมืองนี้ เค้าอยากให้นักท่องเที่ยวเก็บช่วงเวลาดี ๆ ที่เมืองของเค้า ซึ้งป่ะ TT จากนั้นนั่งรอรถไฟสองชั่วโมงด้วยการกินกาแฟที่ร้านตรงสถานีรถไฟ เป็นกาแฟท้องถิ่นของที่นี่ พอรถไฟใกล้มาคุณลุงกลับมาและยกกระเป๋าขึ้นรถไฟให้

 

 

ค่าตั๋ว  Kiwirail =99$ สำหรับสองคน ใช้เวลาเดินทางสามชั่วโมงถึง Auckland และที่สำคัญที่สุดตั๋วรถไฟคือสิ่งแรกที่ต้องจองเพราะเต็มเร็วมาก จองแล้วไม่สามารถคือเงินและเปลี่ยนวันได้ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ถึง Auckland ไปพักที่ Ibis style เหมือนเดิม เตรียมตัวกลับไทย

ขอแนะนำใช้บริการคุณลุง เพราะเค้าดีมากจริง ๆ ถ้าใครได้ไปเมืองนี้เราจะจ่ายเงินให้เค้าแต่เค้าไม่เอา บอกแค่ว่าช่วยประชาสัมพันธ์ลุงก็พอ

คุณลุงชื่อ Bill Millar (The caves connection waitomo shuttle) โทร. 0800-808-279 อีเมล waikiwi@ihug.co.nz

วันที่ 13 Thailand


กิน Ginger beer มันแปลก ๆ ดีแต่อร่อยดีนะ

นั่ง Taxi จากที่โรงแรมให้ โรงแรมเรียกให้จะเหมาจ่าย 30$ นัดเวลาได้เลย ถ้าเรียกเองหรือเรียก Shuttle bus ก็ราคาไม่ต่างกัน เรียก Taxi ดีที่สุดคิดมาเรียบร้อย

ของฝาก

สำหรับของฝากหรือครีมรกแกะที่ใคร ๆ แนะนำ แบมว่าซื้อที่ Queenstown ถูกกว่าซื้อที่ Auckland และมีของให้เลือกเยอะกว่า น่ารักกว่าอีกด้วย สิ่งที่ควรซื้อคือ whittaker Chocolate, ครีมรกแกะ, ที่มาสก์หน้าโคลน Rotorua, Hokey Pokey ทั้งไอศกรีมและ Chocolate

ค่าใช้จ่าย

ค่าตั๋วเครื่องบินแลกไมล์เอา แต่ถ้าเอาจริง ๆ ราคาประมาณสามหมื่น

ค่าที่พักทั้งหมด 12 คืน คืนละประมาณ 70$*25.07= 22,000 บาท คนละ 11,000 บาท

ค่า Transportation : ทั้งรถบัส ทัวร์ รถไฟ และเรือ คนละ 16,000 บาท

เงินติดตัว : ที่รวมค่าเข้านู่นนี่ ค่ากิน ช้อปปิ้งนิดหน่อย คนละ 20,000 บาท

รวมทั้งหมดตกคนละประมาณ 47,000 บาท ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน


สุดท้าย : ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ขอบคุณคุณแม่ที่เป็นผู้ร่วมเดินทางที่แสนสนุกและใช้ชีวิตไปด้วยกัน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่เข้ามาร่วมเดินทางไปพร้อม ๆ กันนะ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณแม่หมูกับหมูน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม


ที่มา :