NCT DREAM คัมแบ็กพร้อมพิสูจน์ให้เห็นถึงช่วงเวลาที่เปล่งประกายที่สุด ‘Go Back To The Future’

NCT DREAM (เอ็นซีที ดรีม) คัมแบ็กด้วยอัลบั้มเต็มชุดที่ 5 ‘Go Back To The Future’ ตอกย้ำความมุ่งมั่นว่า “ตัวเองคืออนาคต” ผ่านเพลงดับเบิลไตเติล ‘BTTF’ และ ‘CHILLER’
NCT DREAM (เอ็นซีที ดรีม) คัมแบ็กพร้อมพิสูจน์ให้เห็นถึงช่วงเวลาที่เปล่งประกายที่สุด ด้วยอัลบั้มเต็มชุดที่ 5 ‘Go Back To The Future’ (โก แบ็ก ทู เดอะ ฟิวเจอร์) ที่มีพื้นหลังเป็น ‘อดีต (Past)’, ‘ปัจจุบัน (Present)’ ในปี 2025 และ ‘ปัจจุบันโดยสมบูรณ์ (Absolute Present)’ ในอนาคตอันห่างไกล โดยนำเสนอเรื่องราวของกลุ่มคนที่ไม่เหมือนใครและช่างสงสัยอย่าง NCT DREAM (เอ็นซีที ดรีม) ที่อาศัยอยู่ใน ‘ปัจจุบันโดยสมบูรณ์’ ได้ค้นพบเครื่องย้อนเวลาอย่างโฮเวอร์บอร์ด (ไอเทมที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเพลงเดบิวต์ ‘Chewing Gum’) และเริ่มต้นการเดินทางข้ามเวลาเพื่อค้นหา ‘ตัวตน’ ที่เปล่งประกายที่สุดของตัวเอง ในอัลบั้มนี้ประกอบด้วยทั้งหมด 9 เพลง รวบรวมเหตุการณ์และอารมณ์อันหลากหลายที่สมาชิกได้พบเจอระหว่างการเดินทาง


สำหรับเพลงดับเบิลไตเติลอย่าง ‘BTTF’ (บีทีทีเอฟ) เป็นคำย่อมาจาก ‘Back To The Future’ (แบ็ก ทู เดอะ ฟิวเจอร์) ด้วยซาวด์แบบไดนามิกที่ผสานเสียงเบสซินธ์อันเป็นเอกลักษณ์ เพลงนี้สร้างบรรยากาศ Sci-Fi ได้อย่างมีเสน่ห์ ราวกับพาผู้ฟังย้อนเวลากลับไปมาระหว่างอดีตและอนาคต และในท่อนที่ตะโกนอย่างทรงพลังว่า “I am the Future (ตัวเองคืออนาคต)” ก็ยิ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของ NCT DREAM (เอ็นซีที ดรีม) ออกมาอย่างมั่นใจมากขึ้น ด้านมิวสิกวิดีโอเพลง ‘BTTF’ (บีทีทีเอฟ) นำเสนอเรื่องราวของ NCT DREAM (เอ็นซีที ดรีม) ที่อาศัยอยู่ใน ‘ปัจจุบันโดยสมบูรณ์ (อนาคต)’ ได้ขี่โฮเวอร์บอร์ดย้อนเวลากลับไปยังอดีต แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่า โลกได้เปลี่ยนไปและไม่มีพวกเขาอยู่อีกต่อไป พวกเขาจึงออกเดินทางเพื่อเปลี่ยนทุกอย่างให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม คลิปนี้ผลิตขึ้นโดยได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก Amblin Entertainment และ Universal Studios ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่อง ‘Back To The Future’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามข้อความของเพลงใหม่ ‘BTTF’ (บีทีทีเอฟ) มิวสิกวิดีโอนี้จึงไม่ใช่แค่การย้อนเวลา แต่เป็นเรื่องราวการเดินทางข้ามเวลาที่อดีต ปัจจุบัน และอนาคตผสานกันเป็นหนึ่งเดียว สื่อความหมายสุดท้ายว่า ‘ตัวตน’ ที่เปล่งประกายที่สุดนั้นก็คือ ‘ตัวเอง’ ในทุกช่วงเวลาที่สะสมมาจนถึงตอนนี้


อีกหนึ่งเพลงไตเติลที่น่าประทับใจอย่าง ‘CHILLER’ (ชิลเลอร์) โดดเด่นด้วยซาวด์ที่แปลกใหม่ ผสมผสานหลากหลายแนวดนตรีเข้ากับกลิ่นอายแบบ French touch ได้อย่างลงตัว เสียงซินธ์อันเป็นเอกลักษณ์และการเปลี่ยนจังหวะที่คาดไม่ถึง ยิ่งเสริมพลังของความมั่นใจและความสดใสของ ‘CHILLER’ ที่สนุกกับช่วงเวลาที่เปล่งประกายที่สุดอย่างเต็มที่ ด้านมิวสิกวิดีโอนำเสนอภาพของ NCT DREAM (เอ็นซีที ดรีม) ที่กลับคืนสู่ ‘ปัจจุบันโดยสมบูรณ์ (อนาคต)’ และกำลังใช้ชีวิตอย่างมั่นใจและเท่สุดขีด หลังจากค้นพบ ‘ตัวตน’ ที่เปล่งประกายที่สุด เสริมด้วยจินตนาการสุดล้ำในการเปลี่ยนฉากต่าง ๆ และโชว์ฟังก์สุดมันส์เคียงข้างหุ่นยนต์คู่ใจ D-RO ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของอนาคตเหนือจริง

ในอัลบั้มนี้ยังมีเรื่องราวของวัยเยาว์ตามแบบฉบับ NCT DREAM (เอ็นซีที ดรีม) อย่าง ‘ซีรีส์ความรักครั้งแรก’ ซึ่งถูกร้อยเรียงออกมาอย่างลึกซึ้งมากขึ้นผ่านแทร็ก ‘Interlude : Back to Our Paradise’ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการย้อนเวลากลับไปสู่ความทรงจำเก่า ๆ เพื่อตามหาคนรัก พร้อมประกาศถึงการเริ่มต้นของ ‘ซีรีส์ความรักรักแรก’ ชุดใหม่, เพลง ‘나의 소나기 (‘Bout You)’ แนวอะคูสติกป็อปบัลลาด พูดถึงคนที่เข้ามาหาโดยบังเอิญและแต่งแต้มให้หัวใจของตัวเองใสสะอาดราวกับพรหมลิขิต, เพลงฟังง่าย ‘여름 바람이 불어오면 (That Summer)’ ที่มีเอฟเฟกต์เสียงกรอเทปทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต เนื้อเพลงที่ชวนให้ใจเต้นบอกเล่าถึงความทรงจำตอนที่ยังไม่คุ้นเคยกับความรักครั้งแรก, เพลงแนวโรโทร ‘새벽별 (Miss Me)’ สื่อถึงความตื่นเต้นของการรอคอยช่วงเวลาที่จะได้พบกันอีกครั้งในอนาคต และหวังว่าอีกฝ่ายจะจดจำตัวเองได้เหมือนกัน นอกจากนี้ ยังมีเพลงแดนซ์ป็อป ‘I LIKE IT’ การได้พบกับอีกหนึ่ง “ตัวตน” ของตัวเองโดยบังเอิญ สื่อความหมายว่าพวกเขากำลังกระโดดเข้าสู่โลกใหม่อีกครั้งอย่างไม่หวั่นเกรง, เพลง ‘DREAM TEAM’ ผสมผสานแนวฮิปฮอปและป็อปร็อก ส่งต่อข้อความเชิงบวก “แม้ว่าเราจะล้มลง เราก็จะลุกขึ้นและตีโฮมรันที่น่าตื่นเต้น” สุดท้ายกับเพลงป็อปจังหวะปานกลาง ‘항해 (Beautiful Sailing)’ บรรยายเรื่องราวของวงที่เติบโตขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่เดบิวต์อย่าง NCT DREAM (เอ็นซีที ดรีม) พวกเขาได้มองย้อนกลับไปยังเส้นทางในอดีต พร้อมใส่ความจริงใจในการเชื่อใจกันและก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

ทั้งนี้ NCT DREAM (เอ็นซีที ดรีม) ประสบความสำเร็จกับการเปิดฉากเวิลด์ทัวร์ครั้งที่ 4 ‘NCT DREAM TOUR <THE DREAM SHOW 4 : DREAM THE FUTURE>’ เมื่อวันที่ 10-12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ GOCHEOK SKY DOME กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ บัตรจำหน่ายหมดเกลี้ยงทั้ง 3 รอบการแสดง รวมผู้ชมกว่า 60,000 คน สำหรับคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย 2025 NCT DREAM TOUR <THE DREAM SHOW 4 : DREAM THE FUTURE> in BANGKOK จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 16 และวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2025 เวลา 19:00 น. ณ สเตเดียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ‘ราชมังคลากีฬาสถาน’ ทั้งหมด 2 รอบการแสดง โดยตอนนี้ยังมีเฉพาะบัตรราคา 6,800 และ 6,500 บาท เปิดจำหน่ายจำนวนสุดท้าย ! ทางเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ และทางเว็บไซต์ www.allticket.com/event/NCTDREAM_THEDREAMSHOW4_BANGKOK ติดตามข่าวสารได้ทางบัญชีโซเชียล มีเดียต่าง ๆ ของ SM True : เฟซบุ๊ก facebook.com/smtruethailand, อินสตาแกรม instagram.com/smtruethailand และเอ็กซ์ x.com/SMTrueThailand
รับฟังอัลบั้มเต็มชุดที่ 5 ‘Go Back To The Future’ ของ NCT DREAM ➫ https://NCTDREAM.lnk.to/GoBackToTheFuture
รับชมมิวสิกวิดีโอเพลงไตเติล ‘BTTF’ ของ NCT DREAM ➫ https://youtu.be/3rsBWr3JOUI
รับชมมิวสิกวิดีโอเพลงไตเติล ‘CHILLER’ ของ NCT DREAM ➫ https://youtu.be/F0veX7ix4x4